รักแท้ย่อมไม่แพ้ระยะทางไม่ว่าจะไกลแค่ไหนเราก็พร้อมที่จะไปเพื่อช่วยคนที่เรารักเสมอและแน่นอนคนที่เรารักก็รวมถึง “ สัตว์เลี้ยง “ ด้วย นับตั้งแต่ช่วงแรกๆของสงครามในยูเครน ผู้คนมากมายต่างแสดงออกถึงความรักที่มีต่อสัตว์เลี้ยงของพวกเขาแม้ในยามที่พวกเขาต้องอพยพออกจากประเทศบ้านเกิดที่ลุกเป็นไฟเพราะสงคราม ผู้หญิงที่กล้าหาญคนหนึ่งได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากการที่เธอแสดงความรักที่เหลือเชื่อด้วยการแบกสุนัขของเธอเดินทางไปยังชายแดนยูเครนที่ติดกับโปแลนด์อย่างยากลำบาก
หญิงยูเครนผู้กล้าหาญนี้ คือ อลิซ่า เท็ปทยุค วัย 35 ปี เธอได้สูญเสียคุณพ่อไปเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แล้วในวันต่อมารัสเซียก็เปิดฉากบุกยูเครน ดังนั้น อลิซ่าจึงถูกบีบให้ต้องหาทางอพยพออกจากยูเครนเมื่อกองทัพรัสเซียรุกเข้ามาทั้งๆที่เธอยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าและกำลังจะจัดงานศพให้คุณพ่อเธอ
“ ในขณะที่ผู้คนมากมายกำลังพากันหนีออกจากกรุงเคียฟ เมืองหลวง ดิฉันและสามีพยายามจะหาที่จัดงานศพของคุณพ่อไปทั่วเมือง “ เธอเล่า “ พวกเราพยายามติดต่อทางเตาเผาศพไปถึงสำนักงานของหน่วยงานรับจัดงานศพ เสียงหวอดังทั่วทุกทิศและรถถังก็เริ่มเคลื่อนพลเข้ามาในตัวเมืองค่ะ “
โชคดีที่อลิซ่าทำงานเขียนโปรแกรมภาษา Python ให้กับบริษัทเยอรมัน เธอจึงได้รับการช่วยเหลือจากนายจ้างในการจัดเตรียมการเดินทางไปยังประเทศโปแลนด์ ด้วยเหตุนี้ อลิซ่าพร้อมด้วยสามี สมาชิกอีก 7 คนของครอบครัว และ สุนัขตัวใหญ่อีก 2 ตัว ต้องพากันแออัดเข้าไปในรถเปอร์โย 307 แล้วขับออกเดินทางระยะทาง 100 ไมล์ จนถึงชายเดนประเทศยูเครน หลังจากเดินทางด้วยรถยนต์นานถึง 16 ชั่วโมง ครอบครัวของเธอก็หยุดพักอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆซึ่งอยู่ห่างจากโปแลนด์ไปแค่ 10 ไมล์
“ พวกเราตัดสินใจที่จะออกจากหมู่บ้านในตอนเช้าเพราะว่ามันอันตรายเกินไปหากยังอยู่ต่อค่ะ “ อลิซ่า เล่า “ มีรถมากมายติดขัดยาวเหยียดอยู่ที่ชายแดนทางเข้าโปแลนด์ เราไม่สามารถทนอยู่ในรถอีก 3-5 วันได้ ดังนั้น เราจึงตัดสินใจ “ เดินเท้าเปล่า “ เป็นระยะทางอีก 17 กิโลเมตร ( 10.5 ไมล์ ) จนถึงชายแดน พวกเราออกเดินทางตั้งแต่ตี 4 อากาศตอนนั้นหนาว -7 องศา มันเป็นการเดินทางที่ยากลำบากมากผ่านภูเขาและสายน้ำ ลูกๆของดิฉันหนาวจนร้องไห้ ดิฉันก็แยากร้องไห้ไปด้วยแต่ดิฉันไม่ขอมแพ้ เราต้องเดินทางไปถึงชายแดนให้ได้ค่ะ “
และแล้ว หนึ่งในสุนัขทั้ง 2 ของเธอก็เริ่มไปต่อไม่ไหว เจ้าตูบ “ พูลย่า “ สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพริด์ ( ตัวเมีย ) วัย 12 ปี ประสบความยากลำบากในการเดินทาง หกล้มตกพื้นหลายครั้งแล้วลุกไม่ขึ้น เมื่อใดก็ตามที่มีรถขับผ่านมา อลิซ่า ก็จะหยุดรถและขอให้ช่วยแต่ไม่มีใครสามารถช่วยได้เนื่องจากต่างก็ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งในการอพยพหนี บางคนถึงกับบอกให้เธอ “ ทิ้ง “ สุนัขของเธอไปเลย ซึ่งทำให้อลิซาและครอบครัวของเธอถึงกับช็อคกับคำพูดที่แสนเย็นชานั้น
เธอเล่าว่า “ เราไม่อาจทิ้งเธอไว้ข้างหลังได้ เจ้าพูลย่าเป็นสมาชิกครอบครัวเรา เธออยู่กับเรามานานจนแก่ชรา เราได้เธอมาเลี้ยงตอนที่ดิฉันลาคลอดในวันแรก เธอเพิ่งจะอายุเกือบ 4 เดือน และได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับเรา เธอเข้าใจเรา รักเรา และ พวกเราก็รักเธอมากและยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อดูแลให้เธอปลอดภัย ใครก็ไม่อาจโน้มน้าวให้เราทอดทิ้งพูลย่าได้ ไม่มีทาง เราไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะทำอย่างนั้นเลย
ดังนั้น ทั้งอลิซ่าและสามีจึงผลัดกัน “ แบก “ เจ้าตูบที่อ่อนล้านี้บนไหล่แล้วออกเดินทางอีกประมาณ 10 ไมล์ที่เหลือจนถึงชายแดนยูเครน ต่อมาภาพอันน่าประทับใจนี้ได้ถูกแชร์ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ โด่งดังเป็นอย่างมากแล้วได้รับ 31,000 ไลค์บนทวิตเตอร์ “ ดิฉันถ่ายภาพโดยไม่ได้คิดอะไรนัก จริงๆแค่ต้องการจะจับภาพช่วงเวลานี้เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ดิฉันพบว่ามันเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ มันได้แสดงให้โลกได้เห็นถึงความรักและความทุ่มเทที่เรามีต่องสุนัขของเรา พวกเราก็แค่ครอบครัวธรรมดาๆที่รักไคร่กันและกันค่ะ “
โชคดีที่อลิซ่าและครอบครัวของเธอได้เดินทางมาถึงชายแดนได้อย่างปลอดภัยพร้อมกับเจ้าตูบพูลย่าซึ่งได้กลายเป็น “ สัญจลักษณ์ “ ของผู้ยืนหยัดหนึ่งเดียวท่ามกลางความเลวร้ายทั้งมวลนี้ แต่อย่างไรก็ตามวิบากกรรมของพวกเขายังไม่จบสิ้น “ เพื่อนๆมากมายหลายคนของดิฉันยังคงติดอยู่ในยูเครนและกรุงเคียฟ บางคนต้องไปหลบในบังเกอร์เมืองคาคิฟพร้อมลูกๆของเขา ดิฉันไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ค่ะ “
แล้วสามีของเธอ ดิมิโทร ก็กลายเป็นหนึ่งที่ต้องถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง เขาไม่สามารถเดินทางข้ามชายแดนได้เนื่องจากประธานาธิบดีเซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน ได้ออกคำสั่งระดมกำลังทหารซึ่งส่งผลให้ผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 18-60 ปี ไม่สามารถออกนอกประเทศ ดังนั้น เขาจึงต้องกลับไปยังหมู่บ้านเดินเพื่อไปดูแลคุณแม่และคุณยายของเขาแทน
“ สมาชิกที่ยังอยู่ที่หมู่บ้านนั้นมีเพียงแค่ 7 คนเองและทุกคนต่างก็อายุเกิน 60 ปีแล้ว สามีของพี่สาวของดิฉันก็อยู่ที่นั่นด้วยพร้อมกับพ่อแม่ของเขาและเพื่อนๆของพ่อแม่เขา พวกเขาต้องอยู่รวมกันในบ้านเล็กๆที่ไม่มีน้ำ ไม่มีร้านขายของ ไม่มีร้านขายยา ไม่มีน้ำ หรือ อาหารในหมู่บ้าน สามีของดิฉันและสามีของพี่สาวกก็ต้องผิงไฟด้วยฟืนเพื่อให้อบอุ่นภายในบ้านค่ะ “
แม้ว่าอลิซ่าจะสามารถพาสุนัขของเธอหลบหนีไปได้พร้อมกับพี่สาว คุณแม่ และ ลูกๆของเธอ พวกเขายังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวและความไม่แน่นอนทุกวัน แต่ถึงแม้จะต้องเผชิญกับวิบากกรรมแสนสาหัส เธอก็ยังสามารถที่จะรวบรวมพละกำลังและความกล้าหาญที่สู้ชีวิตต่อไป “ มันยากที่จะจากประเทศยูเครนบ้านเกิดไป เริ่มแรกดิฉันต้องสูญเสียพ่อแล้วตอนนี้ยังต้องทิ้งสามีไว้ข้างหลังอีก เขาเป็นส่วนสำคัญมากๆในชีวิตของดิฉันและยังเป็นเพื่อนสนิทของดิฉันด้วย ความรักที่ไร้พรมแดนของพวกเรา คือ พลังที่จะช่วยให้ดิฉันสามารถก้าวเดินต่อไปได้ค่ะ “
หญิวชาวยูเครนที่กำลังอพยพหนีภัยสงครามพร้อมครอบครัวได้ “ แบก “ สุนัขของเธอเดินเท้าเปล่าเป็นระยะทาง 10 ไมล์ไปยังชายแดนยูเครนที่ติดกับโปแลนด์
ภาพที่น่าปรพะทับใจนี้โด่งดังเป็นพลุแตกอย่างรวดเร็วและมีผู้คนมากมายมาแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจ
แปลจากบทความที่ลงใน My Modern Met ( โดยอาศัยข้อมูลจาก Upworthy )
https://mymodernmet.com/woman-carries-dog-to-ukraine-border/