เอ็ดการ์โด้ เปอร์รอส วัย 49 ปี เดินเข็นรถ ซาเล้ง ไปทั่วทุกที่ในประเทศเม็กซิโกช่วยเหลือสุนัขทุกตัวที่เขาได้พบเจอ เขาเล่าว่า “ ไม่มีใครช่วยเหลือสุนัขที่ไร้บ้านตามถนนเลย ผมเลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วยครับ “
เอ็ดการ์โด้ ซูนิก้า ฮัวเรช หรือที่รู้จักในชื่อ “ เอ็ดการ์โด้ เปอร์เรช “ เป็นดั่ง “ พ่อพระ “ ผู้เมตตาต่อเหล่าสุนัข ตลอดระยะเวลา 6 ปี มานี้ เอ็ดการ์โด้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ พระผู้โปรดสุนัข “ เขาได้เดินทางทั่วประเทศพร้อมด้วยสุนัขฝูงหนึ่ง เขาได้ช่วยเหลือดูแลและพยาบาลสุนัขที่หิวโหย บาดเจ็บ และ ป่วยไข้ จนกลับมาหายดีดังเดิมบนรถซาเล้งของเขาเอง
เขาได้เล่าให้ช่างภาพ สจ๊วต วิลเลี่ยม ว่าเขาได้ช่วยเหลือและหาบ้านใหม่ให้แก่สุนัขกว่า 500 ตัวแล้วในระหว่างการเดินทางที่ยาวไกลกว่า 14,000 กิโลเมตร
“ ไม่มีใครช่วยเหลือสุนัขไร้บ้านตามถนนเลย ผมจึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยครับ “ , เอ็ดการ์โด้ วัย 49 ปีเล่าให้ช่างภาพฟัง
” ผมได้รับแรงบันดาลใจจากคนอื่นๆที่ทำงานเพื่อสิทธิสัตว์ครับ ซึ่งพวกเขาต่อสู้มานานก่อนที่จะมีกฏหมายต่อต้านการล่วงละเมิดสัตว์เสียอีกครับ “ เขาเล่าในคลิปที่ถ่ายโดยช่างภาพวิลเลี่ยม
เอ็ดการ์โด้เริ่มต้นออกเดินทางจาก บูเซอเรียส ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆใกล้ๆกับ เปอร์โต วัลลาต้า ตรงชายฝั่งแปซิฟิกตอนกลางของเม็กซิโก เป็นที่แรกแล้วขึ้นเหนือไปตามชายฝั่ง แล้วลงใต้และกลับขึ้นไปที่คาบสมุทร บาฮ่า ผ่านติฮัวน่าที่ชายแดนรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ไปถึงชายแดนสหรัฐแล้วเลี้ยวไปที่ เรย์โนซ่า ลงใต้ไป ยูคาตัน โดยที่ช่างภาพวิลเลี่ยมเดินทางผ่านประเทศเบลิซ และ กัวเตมาลา มาเจอเอ็ดการ์โด ที่เมืองโอเอซาค่า
เมื่อเอ็ดการ์โด้เดินทางจนบรรลุเป้าหมายระยะทางแล้ว ตัวเขาและเจ้าตูบของเขาอีก 3 ตัว ซึ่งร่วมหัวจมท้ายเดินทางไปกับเขาตั้งแต่ต้น เขาจะลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ที่ไหนสักแห่ง เจ้าตูบผู้ซื่อสัตย์ของเขา ได้แก่ ชิลเลทาส , บลังโก้ และ เนโกร ทำหน้าที่เป็นสุนัข “ พี่เลี้ยง “ ช่วยดูแลปลอบน้องๆสุนัขตัวอื่นๆที่เขาช่วยให้ผ่อนคลายลง
เอ็ดการ์โด้ออกเดินทางพร้อนข้าวของมากมายที่พอจะหาได้ เขายังได้เล่าเรื่องในสารคดียาว 8 นาที มีว่าสุนัขขนสีทองตัวหนึ่งมีอาการเจริญเติบโตผิดปกติจากการขาดสารอาหารและ “ สวิมเมอร์ ซินโดรม “ ( อาการผิดปกติของขาที่โตขึ้นออกข้าง ) ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถใช้งานเข่าได้ปกติ เขาเล่าต่อว่า “ แต่เขาก็อยู่ดีมีสุขนะ เขาออกเดินทางเป็นประจำเป็นเวลา 3 ปีกับเจ้าของเขาครับ “
เมื่อสุนัขที่เขาช่วยไว้ได้ที่อยู่ใหม่แล้วก็จะได้รับการฉีดวัคซีนและทำหมัน ( ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ) เพื่อเตรียมการให้พร้อมสำหรับการรับเลี้ยง ดังเช่น เจ้าตูบ 3 ขา ซิน พาต้า ซึ่งได้รับการช่วยเหลือที่ชายแดนประเทศกัวเตมาลา หรือ เจ้าตูบ กีวี่ จาก ชีอาปาซ ( ตัวผู้ ) ซึ่งมีสภาพผิวที่เลวร้ายจนกระทั่งเอ็ดการ์โด้ช่วยเหลือเขา ส่วนเจ้าตูบ เอ็นโซ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกหน้าใหม่ของกลุ่มต้องถูก “ ตัดขา “ ออกเพราะสัตวแพทย์พบว่าขาติดเชื้อครับ
” เขาอยู่ในสภาพที่แย่มากๆ “ เอ็ดการ์โด้เล่า “ พบกระดูกแตก 2 จุด ที่หนึ่งบนไหล่ อีกที่ตรงกระดูกโคนขา “ หลังจากรักษาหายแล้ว เจ้าตูบ เอ็นโซ่ ก็ได้รับการบำบัดต่อ
สำหรับลูกสุนัขบางตัวที่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตได้ เขาก็ทำให้สุนัขเหล่านั้นได้ลาโลกอย่าง “ สง่างาม “ ด้วยการนอนเป็นเพื่อนเคียงข้างเขาจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต
“ ปกติแล้ว ผมจะให้สุนัขที่ผมช่วยไว้เดินทางไปด้วยกันจนกว่าจะถึงคราวต้องแยกจากกันครับ “
เอ็ดการ์โด้นั้นชอบที่จะตั้งแคมป์อยู่ข้างนอกกับพวกสุนัข เขาเล่าอีกว่า “ ผมมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไปเพราะมีผู้คนมากมายมาให้ความช่วยเหลือผมครับ “ ซึ่งคนที่ให้ความช่วยเหลือนั้นมีทั้งสัตวแพทย์และผู้ที่รักสัตว์ เขาเปิดรับบริจาคทาง Paypal และยังมีเพจในเฟสบุ๊คเพื่อให้แฟนๆและผู้ประสงค์จะช่วยเหลือได้เกาะติดความเคลื่อนไหวของเขาด้วยครับ
” ผมคิดว่าสิ่งสำคัญสำหรับ คน หือ สัตว์ ที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ คือ มิตรสหาร และ ความรักที่มีให้กันครับ “ เอ็ดการ์โด้กล่าว เมื่อใดที่ภารกิจของเขาเสร็จสิ้นลง เขากับลูกสุนัขคู่ใจอีก 3 ตัวอาจจะลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ใกล้ เม็กซิโก ซิตี้ เพราะมันเป็นสถานที่ๆเต็มไปด้วยสัตว์ที่โดนล่วงละเมิด เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับเหล่าสุนัขได้มากขึ้นครับ
เขากล่าวว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออีกเพื่อให้เขาสามารถทำภารกิจนี้ต่อไปได้ และ เขายังต้องการจะเปลี่ยนความคิดคนในสังคมเพื่อเป็นประโยชน์สัตว์และสิ่งแวดล้อม
เขาเสริมปิดท้ายว่า “ ผมหวังว่าคนรุ่นใหม่จะสานต่อการช่วยเหลือสัตว์นี้ครับ “
แปลจากบทความที่ลงใน White Wolf Pack
http://www.whitewolfpack.com/2019/11/hero-dog-lover-rescues-pups-across.html